ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีการทดถอยและชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมาก จนทำให้ได้ยินคำว่าคนว่างงาน คนตกงาน อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่บ่อยๆ และปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือสถานะการณ์ภัยแล้ง หากฝนมีการทิ้งช่วงยาวนานมากก็จะส่งผลทำให้มีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มสูงขึ้นอีกและปัจจุบันนี้ในเรื่องของการศึกษาก็มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมากขึ้น และการที่ผลิตนิสิตออกมาเป็นจำนวนมากๆนั้นไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงานเลย การว่างงานนั้นมีสาเหตุส่วนใหญ่มากจากความต้องการของผู้สำเร็จทางการศึกษาและการว่างงานนั้นเนื่องจากการเลือกงานคือผู้ที่สมัครจะคาดหวังกับค่าตอบแทนที่สูง แต่งานที่ได้ทำนั้นสะดวกสบายแก่ตนเองจึงทำให้เกิดการเลือกงาน และสภาวะเศรษฐกิจในสังคมเศรษฐกิจนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของผู้ประกอบการส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานออกเป็นบางส่วนเพื่อความสมดุลในการประกอบอาชีพ และ ผลกระทบของการว่างงานก็ทำให้เสียสุขภาพจิตเมื่อเกิดการว่างงานขึ้นผู้ที่เคยมีงานทำมักจะคิดฟุ้งซานเเละเกิดปัญหาเครียดตามมาจึงทำให้เสียสุขภาพจิตเเละร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาครอบครัว ผู้ที่ว่างงานอาจจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเเล้วเกิดการว่างงานจึงส่งผลให้รายได้ในครอบครัวที่จะเลียงครอบครัวจึงทำให้เกิดปัญหาครอบครัวขึ้นก่อให้เกิดปัญหาความยากจนก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมบุคครที่ตกงานมักหาเเนวทางเพื่อให้ตนเองมีความอยู่รอดในสังคมได้ บางส่วนก็จะหางานที่สุจริตทำเเต่บางส่วนจะจะลักเล็กขโมยน้อยเพื่อให้ตนเองอยู่รอดและอีกอย่างเป็นผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ การว่างงานมีการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกเป็นปัญหาสังคมและเศรษฐกิจการว่างงานนั้นยังก่อให้เกิดอาชญกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการฆ่าตัวตาย และถูกฆ่าเพราะบางครั้งถ้าเกิดตกงานและอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ยิ่งจะทำให้เราเกิดความเครียด คิดมาก บางครั้งอาจควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนอาจก่อให้เกิดการฆ่าตัวตาย อาชญากรรม และยังทำให้เกิดปัญหาความยากจนตามมาอีกด้วย แต่เนื่องจากทางรัฐบาลก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมหรือส่งเสริมช่วยเหลือให้การสนับสนุน จึงทำให้อัตราการว่างงานนั้นลดลง จะเห็นได้ว่าปี พ.ศ. 2553 มีจำนวนผู้ว่างงานถึง 451000 คน จึงทำให้เป็น
เรื่องที่น่าตกใจและน่าเป็นห่วงอย่างมากสำหรับจำนวนตัวเลขของคนว่างงานในประเทศไทยเรา คิดเป็นอัตราการว่างงาน1.2 % หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันมีจำนวนคนว่างานถึง 817000 คนลดลงถึง 366000 คน ทำให้ภาวการณ์ว่างงานนั้นมีแนวโน้มดีขึ้นเพราะจำนวนคนว่างงานนั้นลดลง
1.สาเหตุของการว่างงาน
สาเหตุของการว่างงานเกิดจาก
1. เกิดจากจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการผลิตนิสิตออกมาเป็นจำนวนมากไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงานและการว่างงานมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากความต้องการของผู้สำเร็จทางการศึกษาและความต้องการของสถานประกอบการเป็นหลัก
2. การว่างงานเนื่องจาก ผู้สมัครจะคาดหวังกับค่าตอบแทนที่สูงและงานมีความสะดวกสบายแก่ตนจึงทำให้เกิดการเลือกงาน
3. สภาวะเศรษฐกิจในสภาพเศรษฐกิจ ในสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เป็นสาเหตุแกผู้ที่ประกอบการส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานออกเป็นบางส่วนเพื่อให้เกิดความสมดุลในการประกอบอาชีพ
จึงส่งผลทำให้มีคนว่างงานเยอะมาก
จากกราฟจะเห็นได้ว่าในปี พ.ศ.2550-2552 ของภาคกลางนั้นมีอัตราการว่างงานนั้นสูงขึ้นแต่ปี พ.ศ.2553 นั้นมีคนว่างงานลดลงทำให้ภาวะคนว่างงานนั้นมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ถ้าดูจากกราฟภาคใต้นั้นมีคนว่างงานน้อยที่สุด ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น มีจำนวนคนว่างงานที่เท่ากัน
2.ปัญหาการว่างงาน
การว่างงานมีการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกเป็นปัญหาสังคมและเศรษฐกิจการว่างงานนนั้นยังก่อให้เกิดอาชญกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการฆ่าตัวตาย และถูกฆ่าเพราะบางครั้งถ้าเกิดตกงานและอยู่ในสถานะการเศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ยิ่งจะทำให้เราเกิดความเครียด คิดมาก บางครั้งอาจควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนอาจก่อให้เกิดการฆ่าตัวตาย อาชญากรรม และยังทำให้เกิดปัญหาความยากจนตามมาอีกด้วย แต่เนื่องจากทางรัฐบาลก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมหรือส่งเสริมช่วยเหลือให้การสนับสนุน จึงทำให้อัตราการว่างงานนั้นลดลง
เปรียบเทียบคนว่างงานแต่ละภาคในประเทศปี 2553
จะเห็นได้ว่าในปี พ .ศ. 2553 นั้นมีจำนวนผู้ว่างงานลดลงจากปี พ.ศ. 2550-2552 ในกราฟที่ 1 แต่ถ้าเทียบกับ 3ภาคแล้ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคนว่างงานเป็นอันดับ 1 ของปี พ.ศ. 2553 รองลงมาคือภาคกลางและลำดับสุดท้ายคือภาคใต้
3.ผลกระทบของการว่างงาน
ผลกระทบของการว่างงาน
1.ทำให้เสียสุขภาพจิตเมื่อเกิดการว่างงานขึ้นผู้ที่เคยมีงานทำมักจะคิดฟุ่งซานเเละเกิดปัญหาเครียดตามมาจึงทำให้เสียสุขภาพจิตเเละร่างกาย
2.ก่อให้เกิดปัญหาครอบครัว ผู้ที่ว่างงานอาจจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเเล้วเกิดการว่างงานจึงส่งผลให้รายได้ในครอบครัวที่จะเลียงครอบครัวจึงทำให้เกิดปัญหาครอบครัวขึ้น
3.ก่อให้เกิดปัญหาความยากจน
4.ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมบุคครที่ตกงานมักหาเเนวทางเพื่อให้ตนเองมีความอยู่รอดในสังคมได้ บางส่วนก็จะหางานที่สุจริตทำเเตบางส่วนจะจะลกเล็กขโมยน้อยเพื่อให้ตนเองอยู่รอด
5.เป็นผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ
2.ก่อให้เกิดปัญหาครอบครัว ผู้ที่ว่างงานอาจจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเเล้วเกิดการว่างงานจึงส่งผลให้รายได้ในครอบครัวที่จะเลียงครอบครัวจึงทำให้เกิดปัญหาครอบครัวขึ้น
3.ก่อให้เกิดปัญหาความยากจน
4.ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมบุคครที่ตกงานมักหาเเนวทางเพื่อให้ตนเองมีความอยู่รอดในสังคมได้ บางส่วนก็จะหางานที่สุจริตทำเเตบางส่วนจะจะลกเล็กขโมยน้อยเพื่อให้ตนเองอยู่รอด
5.เป็นผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ
และในปีพ .ศ. 2553 นั้นมีการลดลงจำนวนของการว่างงานก็น่าจะเกิดผลกระทบน้อยลงในสังคมเพราะจะเห็นได้จากกราฟว่ามีจำนวนตัวเลขคนว่างงานลดลง
เปรียบเทียบคนว่างงานของประชากรปี 2553 ในแต่ละเดือนในประเทศไทย
จะเห็นได้ว่ากราฟในปี พ.ศ. 2553 ในแต่ละเดือนนั้นมีคนว่างงานมากที่สุดคือเดือนพฤษภาคม รองลงมาคือเดือนมกราคมและเดือนที่มีคนว่างงานน้อยที่สุดคือเดือนสิงหาคม
ปัญหาการว่างงานจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศมากเพราะสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศก็คือประชาชน หากพื้นฐานความเป็นอยู่ของประชาชนนั้นไม่ดียังมีปัญหาการว่างงานเกิดขึ้นอยู่การพัฒนาประเทศก็จะช้าลงไปด้วย การฝึกอบรมหรือฝึกอาชีพอาจยังไม่เพียงพอเพราะประชาชนเหล่านี้ขาดเงินทุนในการประกอบอาชีพฉะนั้นรัฐต้องสร้างอาชีพและให้เงินทุนเพื่อการพัฒนาศักยภาพของคนว่างงานให้มีอาชีพที่มั่นคงและจะไม่เป็นปัญหาของสังคมต่อไป จะเห็นได้ว่าปัญหาคนว่างงานในปี พ.ศ. 2550-22552 นั้นมีจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้น แต่พอถึงปี พ.ศ. 2553 นั้นมีแนวโน้มจำนวนของคนว่างงานนั้นลดลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและในแต่ละปีนั้นก็มีคนว่างงานในจำนวนที่ไม่เท่ากัน แต่ภาคใต้จะเป็นภาคที่มีคนว่างงานน้อยที่สุด รองลงมาคือภาคกลางและภาคที่มีคนว่างงานมากที่สุดคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในปี พ.ศ.2553 นั้นมีจำนวนผู้ว่างงานลดลงจากปี พ.ศ. 2550-2552 ในกราฟที่ 1 แต่ถ้าเทียบกัน 3ภาคแล้ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังมีจำนวนคนว่างงานเยอะเป็นอันดับหนึ่งเหมือนเดิม รองลงมาคือภาคกลางและลำดับสุดท้ายคือภาคใต้ และในปี พ.ศ. 2553 ในแต่ละเดือนนั้นมีคนว่างงานมากที่สุดคือเดือนพฤษภาคมรองลงมาคือเดือนมกราคมและเดือนที่มีคนว่างงานน้อยที่สุดคือเดือนสิงหาคมจากกราฟก็จะเห็นได้ว่าจำนวนคนว่างงานนั้นมีจำนวนลดลง ถึงแม้ว่าตัวเลขจะลดลงก็ตามแต่บางครั้งถ้านานๆเราไม่ได้สนใจปัญหาคนว่างงานนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นมาอีกก็ได้
ดังนั้นก็ไม่ควรที่จะมองข้ามในเรื่องของการทำงานและบางครั้งก็ควรที่จะมีการกระตุ้นตัวเองให้ตื่นตัวอยู่ตลอด เพราะถ้าหากคุณยิ่งเฉยและไม่สู้กับงานรอให้งานเข้ามาหาเอง ถ้าคุณทำแบบนี้คุณก็จะเป็นคนว่างงาน ตกงาน หรือไม่มีงานทำก็ได้